♥ ปัญหาหลักๆในชีวิตของเรา คือปัญหาทางการเงิน
♥ มีหลายเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังปฏิเสธที่จะศึกษาหาความรู้ทางการเงิน ทั้งคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ถามผู้อื่นเอาง่ายกว่า หรือคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว
♥ เหตุผลหลักๆที่เราควรมีความรู้ทางการเงินก็เพื่อให้รู้เท่ากันไว้ป้องกันตัวเอง, เพราะต้นทุนการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น, ให้แก้ปัญหาทางการเงินได้อย่างถูกต้อง, จะได้ไม่ประมาท และสามารถพึ่งพาตัวเองได้เป็นอย่างดี
ปัญหาในชีวิตคนเราทุกวันนี้ เกินกว่าครึ่งคือ “ปัญหาทางการเงิน” ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่พอใช้ เป็นหนี้ หรือลงทุนแล้วขาดทุนอย่างหนัก ถึงขนาดนี้ ก็ยังมีน้อยคนที่จะใส่ใจเรื่องการเงินของตัวเอง เพราะส่วนใหญ่มักจะคิดว่า
– การเงินเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน เกินกว่าตัวเองจะเรียนแล้วเข้าใจ
– ถามผู้ (ที่ตัวเองคิดว่า) รู้ ได้คำตอบสำเร็จรูป ง่ายกว่า จะศึกษาเองไปทำไม
– ตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว (ฉลาดเรื่องอื่น ดังนั้นเรื่องเงินจะฉลาดตามไปด้วย) คิดเองเออเอง ว่าที่ตัวเองทำน่าจะเวิร์ค
แต่รู้ตัวไหมว่า การที่เรายิ่งปฏิเสธที่จะศึกษาเรื่องการเงินมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งพึ่งพาการเงินจากคนอื่นมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งเดินเข้าใกล้หุบเหวของปัญหาการเงินของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
และ 5 ข้อต่อไปคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงปฏิเสธที่จะศึกษาเรื่องการเงินไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ต้องการแค่ไหนก็ตาม
1. จะได้รู้เท่าทันคนที่มาหาผลประโยชน์
ยิ่งเรามีความรู้ทางการเงินน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่เราจะตกเป็นเหยื่อคนที่รู้มากกว่า หรือคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความโลภของมนุษย์ มากขึ้นเท่านั้น ทั้งการลงทุนแบบแปลกๆ ที่ล่อลวงด้วยผลตอบแทนสูงๆ ไปจนถึงการขายผลิตภัณฑ์การเงินทั่วไป ไม่ว่าจะกองทุน หรือประกัน ที่คนที่ไม่รู้เรื่อง ก็มักจะถูกคนขายปิดปังข้อมูล หรือพูดให้ดูดีเกินจริง จนหลงซื้อด้วยความเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
เราจะยอมตกเป็นเหยื่อไปจนถึงเมื่อไหร่ กว่าที่จะรู้จัวว่าเราควรจะฉลาดทางการเงินสักที?
2. เพราะชีวิตอยู่ยากขึ้นทุกวัน
เงินเฟ้อทั่วไป ทำให้ข้าวของแพงขึ้น เฉลี่ยปีละ 2-3% สินค้าและบริการบางอย่าง แพงเพิ่มขึ้นปีละกว่า 5-8% (เช่น น้ำมัน, ค่าเล่าเรียน, ค่ารักษาพยาบาล) ขณะที่เงินเดือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% (บางปีก็ไม่เพิ่ม โบนัสก็ไม่ได้)
30 ปีก่อน เงินเดือนเริ่มต้นป.ตรีเฉลี่ย 7,000-8,000 บาท ก๋วยเตี๋ยวราคาชามละ 15 บาท เท่ากับซื้อได้ประมาณ 50 ชาม
ปัจจุบันเงินเดือนเริ่มต้นป.ตรี 12,000-15,000 บาท ก๋วยเตี๋ยวราคาชามละ 40-50 บาท เท่ากับซื้อได้ประมาณ 25-30 ชาม
แสดงให้เห็นว่า “อำนาจการซื้อ” ของเราลดลง เพราะรายได้โตไม่ทันรายจ่าย แถมผลตอบแทนที่เคยได้แบบง่ายๆสูงๆ อย่างฝากเงินกับธนาคารได้ดอกเบี้ย 7-10% ในอดีต ก็เหลือแค่ 0.50-1.50% ในปัจจุบัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเรา “อยู่ยาก” กว่าแต่ก่อนมาก และจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ถ้าเรายังทำงานไปแบบเรื่อยๆ ใช้วิธีเดิมๆในการออมเงิน แล้วเราจะอยู่รอดได้ยังไงในอนาคต?
ดูแล้วถ้าเราอยากรอดก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากต้องมีความรู้ทางการเงิน การลงทุน เพื่อให้สามารถหาผลตอบแทนของเงินออมได้สูงขึ้น แล้วก็ต้องรู้จักนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด หารายได้ สร้างทรัพย์สิน สร้างธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายทาง ถึงจะมีโอกาสอยู่ดีมีสุขได้มากขึ้น
3. จะได้ไม่สร้างปัญหาให้ตัวเอง หรือแก้ปัญหาผิดๆ
อย่างที่บอกไปว่าปัญหาในชีวิตของเราส่วนใหญ่ก็คือปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ เพราะขาดความรู้ทางการเงินทำให้เราอาจะขาดสติในกภารใช้จ่าย จนเป็นหนี้ ไม่รู้วิธีคำนวณดอกเบี้ยหรือบริหารจัดการหนี้สินที่ถูกต้อง ก็ยิ่งทำให้หนี้เราพอกพูนขึ้นเรื่อยๆแทนที่จะลดลง ถ้าขาดความรู้ในเรื่องการวิเคราะห์การลงทุนและความเสี่ยง แทนที่จะได้กำไรในระยะยาว กลับยิ่งขาดทุนจนเข็ดขยาด
เพราะปัญหาเรื่องเงิน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนได้ด้วยการแค่โยนเงินให้ แต่ต้องแก้ด้วยความรู้ความเข้าใจทางการเงินอย่างถูกต้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
4. จะได้ไม่ประมาท
คนที่ขาดความรู้เรื่องการเงินที่ครอบคลุมอาจจะมองเรื่องเงินได้แค่เรื่องกิน-ใช้ หาเงิน หรือมองแต่ผลกำไรที่จะได้เป็นหลัก แต่ไม่มองหรือมองข้ามเรื่องของความไม่แน่นอนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิต ว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา เราจะต้องเสียเงินมากขนาดไหน? ลงทุนแล้วขาดทุนหนักๆขึ้นมาจะป้องกัน หรือแก้ไขยังไง? จะวางแผนเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้ายังไง เพราะมักนึกแต่ผลได้อย่างเดียว แต่ลืมดูผลเสีย หรือไม่ก็คิดว่าชีวิตเราไม่น่าเกิดเรื่องร้ายแรง บาดเจ็บ ล้มป่วย ไฟไหม้ น้ำท่วมขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่น ไม่น่าเกิดขึ้นกับเรา ถ้าคิดได้แค่นี้เท่ากับว่า เราโยนความมั่นคงของชีวิตให้ขึ้นอยู่กับ “ดวง” อย่างเดียว โดยที่เราไม่คิดที่จะควบคุมชีวิตด้วยตัวเอง แต่ถ้าเรามีความรู้เรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆในชีวิตเป็นอย่างดี จะความรู้ที่มีจะช่วยทำให้เรามีสติ ไม่ประมาท เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง และควรจะหาวิธีการรับมือยังไง
5. จะได้ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
คนที่จน ก็ยังจนอยู่วันยังค่ำเพราะอะไร? ก็เพราะพวกเขาไม่คิดที่จะก้าวหน้าด้วยน้ำมือตัวเองไงล่ะครับ! ได้แต่ “ขอ” และหวังพึ่งคนอื่น ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์, ขอพลังจักรวาล, ขอคำตอบจากกูรู, ลงทะเบียนคนจน รอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล พอไม่ได้ดั่งใจก็ตัดพ้อ ก่นด่าชีวิต ฉันโชคร้าย เกิดมาจน, ทำไม่ได้เพราะขาดโอกาส เงื่อนไขชีวิตต่างกัน, รัฐบาลเฮงซวย ประเทศแย่ ฯลฯ แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย