โดย วิชญา ยถาภูธานนท์
สายกากับสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ท่ามกลางกระแสสังคมที่นิยมการบริโภคและรักความสะดวกสบายในปัจจุบัน ประกอบกับการจัดโปรโมชั่นรายการส่งเสริมการขายที่กระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค เช่น ส่วนลดในการซื้อสินค้าหรือบริการ การสะสมคะแนนเพื่อแลกซื้อของ การผ่อนชาระด้วยดอกเบี้ยร้อยละศูนย์เป็นเวลา ตั้งแต่ 3 เดือน 10 เดือน หรือมากกว่านั้น ส่งผลให้ผู้คนในสังคมจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นทั้งสิ่งที่จาเป็นและ ไม่จาเป็นต่อการดารงชีพ ดังนั้นหากการใช้จ่ายเงินมีความเหมาะสมกับรายได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ในหลายกรณีเป็นการใช้จ่ายเงินเกินตัวซึ่งเกิดจากความอยากได้อยากมีเพื่อสนองความต้องการของตนเองหรือเพื่อให้รู้สึกทัดเทียมกับผู้อื่นในสังคม “คนอื่นก็มีกัน ชั้นขอมีบ้าง” การใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่ผ่านกระบวนการคิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อ ทาให้ขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี อันนาไปสู่การก่อภาระหนี้สินเกินตัว ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อความเป็นอยู่ของตนเองและครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังจะเห็นได้จากข้อมูลในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ยอดหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 162 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เป็น 224 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 ขณะที่ยอดหนี้บัตรเครดิตด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาท เป็น 8 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 167 เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวลง ขณะเดียวกันวินัยทางการเงินก็ด้อยลงด้วย เช่นเดียวกับงานวิจัยเกี่ยวกับการก่อภาระหนี้ที่พบว่าปัจจุบันคนวัยทางานที่มีอายุ 29 ปี เป็นกลุ่มที่มีการค้างชาระหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันเป็นจานวนมากที่สุด อันเป็นผลมาจากคนกลุ่มนี้ไม่กลัวการเป็นหนี้เนื่องจากคิดว่าตัวเอง ยังมีเวลาในการหารายได้อีกนานที่จะนาเงินมาชาระหนี้ ทาให้มีการจับจ่ายใช้สอยโดยขาดความระมัดระวัง ไม่ได้คานึงถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นต่อรายได้และความสามารถในการจ่ายชาระหนี้ของตนเอง ผลที่ตามมาคืออาจมีภาระหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นหนี้เสีย มีประวัติค้างชาระหนี้ ถูกคิดดอกเบี้ยและค่าปรับในอัตราสูง ถูกติดตามทวงถามหนี้และดาเนินการทางกฎหมาย ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากพฤติกรรมของ คนช่วงอายุเดียวกันในอดีตที่จะกลัวการเป็นหนี้และพยายามมัธยัสถ์เก็บออมเพื่อสร้างครอบครัว
สัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าการเงินเริ่มมีปัญหาคือการไม่ทราบว่ามีเงินเข้าเท่าไหร่ มีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ยอดหนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจ่ายหนี้ได้ไม่เต็มจานวน กดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือพึ่งพาเงินกู้ ส่วนบุคคล ถอนเงินออมมาใช้จ่าย จากนั้นเริ่มแก้ปัญหาโดยการกู้ใหม่เพื่อชาระหนี้เดิม หรือหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงมาก ก็จะทาให้การแก้ปัญหาทางการเงินยิ่งยากขึ้น หลายคนคิดว่าการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นจะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ถูกต้อง แต่หลายคนทางานหาเงินเพื่อให้ มีรายรับที่เพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายปัญหาหนี้สินยังคงมีอยู่และปัญหาเงินขาดมือยังไม่หมดไป สาเหตุสาคัญเกิด จากอุปนิสัยการใช้จ่ายเงินเกินตัว ขาดการเก็บออม และขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี ทาให้โอกาสที่เงิน จะรั่วไหล กิน ใช้ เที่ยว ตามกระแสสังคม เกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว

 

การสร้าง “วินัยทางการเงิน” เป็นสิ่งจาเป็นที่จะช่วยจัดการชีวิตให้เป็นระเบียบ โดยการวางแผนการเงินที่ดี คิดอย่างรอบคอบก่อนใช้จ่าย จัดสรรรายได้สาหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภท ลดการใช้จ่ายที่ไม่จาเป็น ชาระหนี้ให้ตรงกาหนดเพื่อไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ออมเงินไว้ใช้สาหรับรายจ่ายก้อนโตหรือเพื่อลงทุนหาผลตอบแทน เครื่องมือหนึ่งที่ใช้ง่ายและได้ผลดีในทุกยุคทุกสมัย คือการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจาวัน และจัดทาสรุปการใช้จ่ายเมื่อสิ้นเดือนเพื่อให้เห็นภาพของรายได้ว่ามาจากที่ใดบ้าง รายจ่ายหมดไปกับเรื่องใดบ้าง จาเป็นหรือไม่ ปัจจุบันในยุคดิจิทัลมีแอพพลิเคชั่น (Application) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “แอพ” (App) ช่วยในการทาบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคลที่สามารถใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือได้โดยง่าย เช่น Spendee, Coinkeeper หรือ “แอพ” ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยคนไทยที่ชื่อว่า “พอเพียง” จากการทาบัญชีดังกล่าวเราสามารถดูว่ามีรายจ่ายใดบ้างที่ลดลงได้อีกเพื่อให้สามารถออมเงินได้มากขึ้น หรือเพื่อให้รายจ่ายน้อยกว่ารายรับ หากมีหนี้สิน ก็ต้องประหยัดมากขึ้น และทยอยผ่อนชาระหนี้จนหมด รวมทั้งไม่ก่อหนี้เพิ่มเติมโดยเฉพาะเมื่อไม่มั่นใจว่าจะหาเงินมาชาระคืนหนี้สินนั้นได้อย่างไร อย่าเป็นหนี้เพียงเพราะความอยากได้ ต้องคิดให้รอบคอบ รวมทั้งศึกษาให้เข้าใจถึงประเภทสินเชื่อและดอกเบี้ยซึ่งจะเป็นภาระตามมา
วินัยทางการเงินที่ดีสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัยและเริ่มได้ทันทีเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กที่เริ่มเรียนรู้ค่าของเงินและอดออม วัยทางานที่อยู่ระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัวและสร้างครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบตัวเองและผู้อื่น และวัยเกษียณที่จะต้องวางแผนเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม การสร้างวินัยทางการเงินที่ดีอาศัยความอดทนและความตั้งใจอย่างยิ่งยวด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินไม่ใช่เรื่องง่ายที่เกิดขึ้นได้ในช่วงข้ามคืน การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น การมีบ้าน มีรถ มีชีวิตที่ดี และลาดับความสาคัญของเป้าหมาย รวมทั้งวางแผนการเก็บออมและการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้ เป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นสิ่งสาคัญที่สนับสนุนให้เรามุ่งมั่นในการปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะนาไปสู่ความมั่นคงทางการเงินและอิสรภาพทางการเงินที่ไม่มีภาระหนี้สินในที่สุด

วินัยทางการเงิน สร้างได้จริงหรือ?
Tagged on: