1.) “รูปสลิป/สลิปออนไลน์ปลอม”
ถือว่าเนียนมากๆ ครับ เคสนี้มีให้เห็นเยอะมากและก็มีคนหลงกลเชื่อเยอะมากๆ เหมือนกัน คือลูกค้าจะสั่งของจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ แล้วก็ส่งสลิปแจ้งโอนเงินมาให้
ซึ่งเป็นสลิปที่เขาทำปลอมขึ้นมาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นใบสลิปจากตู้ ATM และสลิปออนไลน์ก็สามารถเฟคขึ้นมาได้หมด บางคนอาจจะส่งมาแบบไม่ได้โอนเงินให้เราเลย อันนี้คุณพ่อค้าแม่ค้าก็อาจจะไหวตัวทัน
เพราะไม่มี SMS แจ้งเข้าจากธนาคาร แต่บางคนอาจจะหัวไวกว่า บอกว่าโอนเงินมาให้เรา แต่ไม่เต็มจำนวน ถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้าไม่ทันเช็คยอดโอน เห็นแค่ว่ามี SMS แจ้งเงินเข้าบัญชี ก็คิดว่าลูกค้าโอนมาให้แล้ว ก็อาจหลงกลได้ง่ายๆ เช่นกัน
วิธีป้องกัน: เพื่อนๆ ต้องอย่าลืมเช็คยอดโอนให้ละเอียดก่อนจะส่งของให้ลูกค้าทุกครั้ง คอยเช็คเงินในบัญชีเสมอ หรือตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของทางธนาคาร กรอกข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของผู้โอนว่า เลขที่รายการอะไร จำนวนเงินเท่าไหร่ แล้วนำมาเทียบกับสลิปว่าตรงกันไหม หรือถ้าจะตัดปัญหาเลยก็ให้ลูกค้าชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไปเลยครับ
2.) “SMS แจ้งเงินเข้าบัญชีปลอม”
สลิปปลอมไม่พอ ยังมี SMS ปลอมอีก! คือพิมพ์เหมือนกับว่าเป็นระบบอัตโนมัติของธนาคารจริงๆ เพื่อแจ้งว่ามีคนโอนเงินเข้าบัญชีของคุณ
เบอร์ที่ส่งมาก็อาจจะเป็นเบอร์แปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หรือไม่บางทีเบอร์ที่ส่งมาอาจจะเป็นเบอร์ของธนาคารจริง แต่ในความจริงลูกค้าไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีคุณ เขาโอนเงินเข้าบัญชีอื่นที่ไม่ใช่ของคุณ
แต่ให้ธนาคารส่ง SMS มาแจ้งที่เบอร์คุณ ซึ่งในฐานะพ่อค้าแม่ค้าคุณต้องมีความรอบคอบคอยเช็คเบอร์โทรที่ส่ง SMS มา และเลขบัญชีที่เงินเข้าทุกครั้งด้วยนะครับ
วิธีป้องกัน: ก่อนที่จะส่งของให้ลูกค้าทุกครั้ง คุณพ่อค้าแม่ค้าต้องเช็คว่าในบัญชีมีเงินเพิ่มขึ้นจริงไหม ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ยากหรือลำบากแล้ว สามารถทำได้ง่ายๆ ทางออนไลน์ ไม่ว่าจะผ่านแอพหรือผ่านเว็บไซต์ของธนาคารต่างๆ เสียเวลานิดหน่อย แต่ไม่ขาดทุนแน่นอนครับ
3.) “ลูกค้าบอกว่าไม่ได้ของ”
ข้อนี้เป็นการโกงที่เบสิคมากๆ คือการที่เราส่งของให้ลูกค้าแล้วแต่ลูกค้ากลับแกล้งตีเนียนบอกว่า “ไม่ได้รับ” และขอให้เราส่งไปให้ใหม่หรือขอเงินคืน
คราวนี้ พ่อค้าแม่ค้าที่งานยุ่งไม่มีเวลาตรวจเช็คหรือใจดี ก็จะรีบจัดแจงส่งของหรือคืนเงินลูกค้าไป เพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะชนะใจลูกค้าได้ หารู้ไม่ว่าคุณกำลังโดนหลอกเต็มๆ!
วิธีป้องกัน: ควรเลือกการส่งของแบบลงทะเบียนหรือแบบ EMS เสมอ อย่าเสียดายเงินที่จะต้องเสียเพิ่มเด็ดขาดเพราะมันคุ้มกว่าโดนหลอก
การส่งของแบบนี้จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถตรวจสอบสถานะการส่งของได้ และดูได้เลยว่าลูกค้าเซ็นรับของไปแล้วหรือไม่ ยอมเสียค่าส่งแพงอีกนิด ดีกว่าเสียของไปฟรีๆนะครับ
1. เริ่มจาก “พ่อค้าแม่ค้า” ลงขายสินค้าตามปกติ “ว่าที่ลูกค้า” ผ่านมาเห็นเข้า เกิดความอยากได้ แต่ไม่อยากควักตัง
2. “ว่าที่ลูกค้า” จึงไปทำการโพสขายของตามบอร์ดขายของต่างๆ เพื่อให้ “เหยื่อ” มาติดกับ โดยราคาของที่ตั้งจะเท่ากันหรือมากกว่าราคาของที่ “ว่าที่ลูกค้า” อยากได้ พร้อมแจ้งรายละเอียดการติดต่อไว้เสร็จสรรพ ซึ่งส่วนใหญ่พวกนี้จะติดต่อผ่านทาง PM ของบอร์ดนั้นๆ หรือผ่านทาง LINE (เพราะไม่สามารถตามเบอร์ได้)
3. หลังจาก “เหยื่อ” มาติดต่อขอซื้อแล้ว “ว่าที่ลูกค้า” ก็จะแจ้งรายละเอียดยอดที่ต้องโอนและเลขบัญชีธนาคารของ “พ่อค้าแม่ค้า”
4. พอ “เหยื่อ” โอนเงินเสร็จ ก็มาแจ้ง “ว่าที่ลูกค้า” ว่าโอนแล้ว
5. “ว่าที่ลูกค้า” ก็ตอบรับไปพอเป็นพิธี แล้วก็รีบมาแจ้ง “พ่อค้าแม่ค้า” ทันทีว่า โอนแล้วนะ รีบส่งของมาด่วน! “พ่อค้าแม่ค้า” เห็นยอดเข้าปกติก็ส่งของไปให้
6. หลังจากนั้นไม่กี่วัน “เหยื่อ” ก็จะรู้ตัวว่าโดนหลอกโอนตังฟรีแล้วไม่ได้ของแน่นอน บางรายทำใจได้ก็เงียบหายไป บางรายฉลาดหน่อยก็เอาเลขบัญชีธนาคารที่ได้มาไปค้นใน Google ก็อาจโชคดีไปเจอกับเว็บ “พ่อค้าแม่ค้า” เข้า แล้วก็ติดต่อมาด่า โดยที่ “พ่อค้าแม่ค้า” ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย