การยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
1.สามารถยื่นได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรองเป็นที่เรียบร้อย ก็แสดงว่าบริษัทของเราได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ โดยสมบูรณ์ทุกประการ
2.สำหรับกรุงเทพมหานคร สามารถไปยื่นจดทะเบียนบริษัท ตามสถานที่ด้านล่างได้เลยคะ สะดวกที่ไหนไปที่นั่นคะ
หน่วยงาน | ที่ตั้งปัจจุบัน |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1 (ปิ่นเกล้า) | อาคารธนาลงกรณ์ ทาวเวอร์ ชั้น 14
ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. 10700 โทร. 0 2446 8160-67, 69 FAX. 0 2446 8191 |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 2 (พหลโยธิน) | อาคารเลขที่ 78/13 ถนนพระราม 6 (สี่แยกประดิพัทธ์)
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2618 3340-41,45 FAX. 0 2618 3343-4 |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 3 (รัชดาภิเษก) | อาคารปรีชาคอมเพล็ก(ซี 2) ชั้น 3
ถ.รัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 (เยื้อง สน.สุทธิสาร) โทร. 0 2276 7253,55,56,59,66 FAX. 0 2276 7263 |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 4 (สุรวงศ์) | อาคารวรวิทย์ ชั้น G เลขที่ 222
ถ.สุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทร. 0 2234 2951-3 FAX. 0 2266 5852-3 |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 5 (บางนา) | อาคารแอมเพิลทาวเวอร์ ชั้น 4
ถ.บางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ โทร.0 2348 3803-5 FAX. 0 2348 3806 |
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 6 (ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา) | (ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา)
อาคารรัฐประศาสนภักดี (ชั้น 1) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โทร.0 2143 7921-2 |
ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง อาคารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า | ชั้น 4 ถ.นนทบุรี 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทร. 0 2547-5155 FAX. 0 2547-5153 |
3.จดทะเบียนบริษัท (จำกัด) ผ่านระบบจดทะเบียนออนไลน์ด้วยตัวเอง ทางe-Registration
จดทะเบียนบริษัท ขั้นตอนที่ 1 :จองชื่อบริษัท
ก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัท สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการจองชื่อบริษัทนั่นเองค่ะ โดยการจองชื่อบริษัทนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
1.ไปจองด้วยตัวเองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตหรือสำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่
2.จองชื่อผ่านอินเตอร์เน็ต โดยจะต้องเข้าไปทำการสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่เมนู จองชื่อ/ตรวจคำขอจดทะเบียนนิติบุคคล
หลังจากนั้น log in เข้าสู่ระบบ ระบบจะให้ใส่ชื่อที่คุณจะขอใช้ในการจดทะเบียนบริษัทได้ 3 ชื่อ โดยทั้ง 3 ชื่อนั้นจะต้องไม่ซ้ำกับชื่อที่บุคคลอื่นใช้ในการจดทะเบียนบริษัทไปแล้ว ในกรณีที่ชื่อบริษัทของคุณไม่ได้ซ้ำกับชื่อที่มีการใช้จดทะเบียนบริษัทแบบตรงตัว สามารถลองขอจดทะเบียนบริษัทในชื่อนั้นได้ (แต่ถ้าซ้ำแบบตรงเป๊ะๆ จะขอจดทะเบียนบริษัทในชื่อนั้นไม่ได้แน่นอน)
หลังจากกด submit ไปแล้ว นายทะเบียนจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 30 นาที หากมีข้อความแจ้งว่าชื่อที่เราจองสามารถใช้ได้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนของการจองชื่อสำหรับจดทะเบียนบริษัทค่ะ
ข้อควรระวัง
- ชื่อที่ผ่านการตรวจสอบและอนุญาตให้ใช้ในการจดทะเบียนบริษัทจะต้องยื่นจดทะเบียนไม่เกิน 30 วันหลังจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อนั้นเรียบร้อยแล้ว
- ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อที่จะใช้จดทะเบียนบริษัทให้ดี เพราะหากผ่านการตรวจสอบแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องกลับไปเริ่มทำทุกอย่างใหม่หมด!
จดทะเบียนบริษัท ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมข้อมูล
ขั้นตอนต่อไปของการจดทะเบียนบริษัทก็คือการเตรียมข้อมูลสำหรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและการจดจัดตั้งบริษัทค่ะ
หนังสือบริคณห์สนธิ คืออะไร?
หนังสือบริคณห์สนธิ คือ “ตราสารจัดตั้งนิติบุคคลชนิดหนึ่งที่กำหนดกรอบวัตถุประสงค์ของบริษัท” มีไว้เพื่อระบุขอบเขตต่างๆ ของธุรกิจ เช่น วัตถุประสงค์, ข้อมูลผู้ถือหุ้น, ข้อมูลกรรมการบริษัท,ข้อมูลผู้เริ่มก่อการ, ทุนจดทะเบียน เป็นต้น
การจดทะเบียนบริษัทและจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ มีรายละเอียดและขั้นตอนค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะเพราะเราสามารถจดทะเบียนบริษัทและจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิไปในคราวเดียวกันได้ เพื่อความรวดเร็วควรจัดเตรียมข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้ครบถ้วน จะได้กรอกข้อมูลทั้งหมดให้ถูกต้องและเสร็จในครั้งเดียว เพราะหนังสือบริคณห์สนธินี้จะต้องยื่นภายใน 30 วัน หลังจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อบริษัทของคุณเรียบร้อยแล้ว โดยข้อมูลที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- ชื่อของบริษัท : ต้องเป็นชื่อบริษัทตามที่ได้จองไว้ใน ขั้นตอนที่ 1
- ที่ตั้งสำนักงานใหญ่/สาขา : ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของสถานที่ เช่น บ้าน หรือคอนโด สามารถใช้ที่อยู่ของบ้าน หรือคอนโด เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่/สาขาได้เลย แต่หากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของจะต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ด้วย อย่าลืมจดเลข 11 หลักที่อยู่บนสมุดทะเบียนบ้านและแผนภาพสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ด้วยนะคะ
- วัตถุประสงค์ของบริษัท : จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม สรุปเป็นข้อๆ ให้กระชับได้ใจความ และครอบคลุมกิจการทั้งหมด สามารถมีหลายข้อได้ (แต่วัตถุประสงค์หลักที่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัท มีได้ไม่เกิน 2 ข้อ)
- ทุนจดทะเบียนบริษัท : ส่วนใหญ่นิยมจดที่ 1 ล้านบาท คุณสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนบริษัทได้ที่ จดทะเบียนบริษัท ทุนเท่าไหร่ดี ?
- ผู้ก่อการ : ในความหมายที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือผู้ก่อตั้งนั่นเองค่ะ โดยการจดทะเบียนบริษัทนั้นจะต้องมีผู้ก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (หากมีผู้ก่อการคนเดียวต้องจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์เท่านั้น ไม่สามารถจดทะเบียนบริษัทจำกัดได้) *ผู้ก่อการทุกคนจะต้องลงทะเบียนใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ก่อนที่จะยื่นขอจดทะเบียนบริษัท
- ข้อมูลผู้ถือหุ้น : ชื่อ-สกุล ที่อยู่ สัญชาติ และจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน โดยผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ก่อตั้งเท่านั้น บุคคลอื่นก็สามารถเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเราได้
- พยาน : ในการจดทะเบียนบริษัทจะต้องมีพยาน 2 คน โดยข้อมูลที่ต้องเตรียมคือ ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยานแต่ละคน
- รายละเอียดการประชุมจัดตั้งจดทะเบียนบริษัท ได้แก่
- ข้อบังคับของบริษัท ตามกฎหมายแล้ว บริษัทจำกัดจะมีหรือไม่มีข้อบังคับก็ได้
- กรรมการของบริษัท ชื่อ-สกุล ที่อยู่ และ วันเกิดของกรรมการบริษัทแต่ละคน
- อำนาจกรรมการ ขั้นตอนนี้เป็นการระบุว่าเอกสารของบริษัทจะต้องมีกรรมการเซนกำกับจำนวนกี่คน จะต้องมีตราประทับหรือไม่ เอกสารถึงจะมีผลในทางกฎหมาย หากมีตราประทับให้เตรียมเอกสารแสดงตราประทับไว้ด้วยนะคะ
- ผู้สอบบัญชี ชื่อผู้สอบบัญชีที่จะต้องใช้ในการจดทะเบียนบริษัทจะต้องระบุ ชื่อ-นามสกุล เลขที่สอบบัญชี และ ค่าใช้จ่ายในการจ้าง (ใส่เป็นยอดประมาณการได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเลขจริง) ชื่อผู้สอบบัญชีใช้เพียงในนามเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วคุณอาจจะจ้างบุคคลอื่นมาเป็นผู้สอบบัญชีก็ได้ (แต่ถ้าเอาแบบชัวร์ๆก็ใส่คนที่เราต้องการจ้างทำบัญชีจริงๆไปเลยก็จะดีกว่า)
- กำหนดค่าตอบแทนแก่ผู้ริเริ่มกิจการ
- กำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ อย่าลืมศึกษาเรื่อง ความแตกต่างของ หุ้นสามัญ (Common Stock) และ หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) กันด้วยนะคะ เพราะเราจะต้องกรองรายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นทั้งสองชนิดด้วย